บล็อกสำรวจโลก รวบรวมข้อมูลแปลกใหม่ที่น่าสนใจ

สัมผัสกับ บรรยากาศ สถานที่ท่องเที่ยว ในต่างประเทศ ที่โด่งดัง สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่คุณไม่เคยลืม

ค้นหาสิ่งที่แปลกใหม่บนโลกที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน

สถานที่ท่องเที่ยว อีกหลายที่ ประเทศทั่วในโลก ที่คุณไม่รู้จัก และบางที่มันสวย น่าสัมผัส

แนะนำบรรยากาศ สไตล์แนวใหม่

สัมผัสกับ บรรยากาศ สถานที่ ในต่างประเทศ ที่โด่งดัง สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่คุณไม่เคยลืม

บล็อกสำรวจโลก รวบรวมข้อมูลแปลกใหม่ที่น่าสนใจ

สัมผัสกับ บรรยากาศ สถานที่ท่องเที่ยว ในต่างประเทศ ที่โด่งดัง สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่คุณไม่เคยลืม

ค้นหาสิ่งที่แปลกใหม่บนโลกที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน

สถานที่ท่องเที่ยว อีกหลายที่ ประเทศทั่วในโลก ที่คุณไม่รู้จัก และบางที่มันสวย น่าสัมผัส

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

มหัศจรรย์ จากมนุษย์

มหัศจรรย์ จากมนุษย์ ศักยภาพทางวิทยาศาสตร์มหัศจรรย์ความงามจากฟากฟ้า ภาพถ่ายแหล่มๆจากดาวเทียม รูป ภาพถ่ายสวยๆของโลกจากดาวเที่ยว เป็นมหัศจรรย์ความงามจากมุมองบนฟ้าที่หาดูได้ยากจริงๆ พอได้เห็นภาพพวกนี้ก็คิดว่าเออ.. โลกเรานี่ก็สวยงามมากๆเลยน





ศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีด้านการโคจรภายใต้แรงดึงดูดระหว่างมวล ถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม อุตุนิยมวิทยา ภูมิศาสตร์ หรือแม้แต่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการติดต่อสื่อสารอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ดังเช่นในยุคข้อมูลไร้พรมแดนอย่างทุกวันนี้ ตัวอย่างของวัตถุที่มีการโคจรภายใต้แรงดึงดูดระหว่างมวล เช่น ดาวเทียม กล้องโทรทรรศน์อวกาศ สถานีอวกาศ เป็นต้น พื้นฐานของการโคจรภายใต้แรงดึงดูดระหว่างมวลจำเป็นต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับเรขาคณิตของเส้นโค้งซึ่งเป็นรูปร่างของเส้นทางการเคลื่อนที่ โดยเฉพาะเรขาคณิตของวงรี ซึ่งได้กล่าวไว้คร่าวๆ แล้วในบทที่ 4 เส้นทางการเคลื่อนที่แบบวงรีสามารถอธิบายได้ด้วยกฎของเคปเลอร์ 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ คือ

1. ดาวเคราะห์ทั้งหมดจะมีเส้นทางการเคลื่อนที่เป็นวงรี โดยมีดวงอาทิตย์อยู่ที่ตำแหน่งจุดโฟกัสจุดหนึ่งของวงรี

2. ถ้าลากเส้นตรงเชื่อมระหว่างดาวเคราะห์กับดวงอาทิตย์แล้ว เส้นตรงดังกล่าวจะกวาดพื้นที่ได้ค่าเท่ากันเมื่อช่วงเวลาที่ใช้เท่ากัน

3. สำหรับวงโคจรแบบวงรีของวัตถุท้องฟ้าภายใต้แรงโน้มถ่วงระหว่างกัน คาบการโคจรกับระยะครึ่งแกนยาวจะมีความสัมพันธ์กันโดยที่ คาบการโคจรของวัตถุท้องฟ้า (หน่วยปี) ยกกำลังสอง จะมีค่าเท่ากับระยะครึ่งแกนยาว (ในหน่วย AU) ยกกำลังสาม

กฎของเคปเลอร์ในเบื้องต้นใช้อธิบายเส้นทางการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ซึ่งเกิดจากแรงดึงดูดระหว่างมวลของดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ แต่เนื่องจากแรงดังกล่าวเป็นแรงชนิดเดียวกับแรงดึงดูดระหว่างมวลของโลกกับดาวเทียม โลกกับสถานีอวกาศ ดวงอาทิตย์กับยานอวกาศ ฯลฯ จึงสามารถใช้กฎของเคปเลอร์ในการอธิบายเส้นทางการเคลื่อนที่ของวัตถุเหล่านี้ได้


 ดาวเทียม

ปัจจุบันดาวเทียมถูกมนุษย์ส่งไปโคจรรอบโลกจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยประโยชน์ต่างๆมากมาย สามารถแบ่งประเภทของดาวเทียมตามหน้าที่ต่างๆ ได้ดังนี้

(ก) ดาวเทียมสื่อสาร

(ข) ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา

(ค) ดาวเทียมสำรวจทรัพยากร

(ง) ดาวเทียมทางทหาร

(จ) ดาวเทียมสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์

ดาวเทียมถูกส่งขึ้นไปจากโลกโดยยานขนส่งอวกาศ และสามารถโคจรรอบโลกได้อาศัยหลักการโคจรตามแรงดึงดูดระหว่างมวล ซึ่ง ณ ระดับความสูงจากผิวโลกระดับหนึ่ง ดาวเทียมจะต้องมีความเร็วเพียงค่าหนึ่งเท่านั้นจึงสามารถจะโคจรรอบโลกอยู่ได้โดยไม่หลุดจากวงโคจร โดยความเร็วดังกล่าวจะอยู่ในช่วง 7.6-11.2 กิโลเมตรต่อวินาที (รูปแบบการโคจรแบบวงกลมจนกระทั่งถึงรูปแบบการโคจรแบบพาราโบลา) ดังรูปที่ 1 ความเร็วดังกล่าวนี้ถูกควบคุมตั้งแต่เริ่มต้นปล่อยดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรเพื่อให้เส้นทางการโคจรของดาวเทียมไม่ซ้อนทับกันกับดาวเทียมดวงอื่นๆ ดังนั้นแม้จะมีดาวเทียมอยู่มากมายแต่ดาวเทียมเหล่านี้จะไม่โคจรชนกันเลย เนื่องจากดาวเทียมแต่ละดวงจะมีสมบัติการเคลื่อนที่เฉพาะตัว

เที่ยวเขาเขียว

เขาเขียว สวนสัตว์เปิด  จังหวัด ชลบุรี                                                     เป็นป่าแห่งเดียวของชลบุรี ดำเนินงานโดยองค์การสวนสัตว์
นักท่องเที่ยวจะได้ชมสัตว์มากถึง 300 ชนิด ทั้งสัตว์ของไทยและจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช้าง กระทิง วัวแดง ฮิปโปโปเตมัส ชะนี ค่าง ลิงลม (นางอาย) ม้าลาย ยีราฟ นกกระจอกเทศ ไฮยีน่า เสือ สิงโต กวางดาว ละมั่ง แพะภูเขา เลียงผา หมี นกยูง นกกระเรียน นกเงือก ฯลฯ ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติเหมาะแก่อุปนิสัยของสัตว์นั้นๆ และสามารถให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังมีบางส่วนอยู่ในกรงเพื่อกันการหลบหนี และเพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง

สวนสัตว์เปิดเขาเขียวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 โดยฟื้นฟูสภาพป่าเขาเขียวที่เสื่อมโทรมขึ้นมาใหม่ จากนั้นได้นำสัตว์บางส่วนจากสวนสัตว์ดุสิตมาปล่อยเลี้ยงไว้ตามสภาพธรรมชาติ แล้วเริ่มเปิดให้คนเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2521 ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ นับเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก แบ่งออกเป็นส่วนวิจัยและศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าหายาก สวนสัตว์เปิด และส่วนบริการ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ “สวนนก” ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยตาข่าย กินพื้นที่ถึง 5 ไร่ ภายในมีเส้นทางเดินขึ้นไปเนินเขา แล้ววนกลับลงมา ที่นี่มีนกหลายชนิดส่งเสียงร้องและบินไปมาอยู่ทั่วสวน อาทิ นกฟลามิงโก้ นกเขียวคราม นกกางเขนดง นกแต้วแล้ว นกขมิ้น ไก่ฟ้า เป็ดก่า และอื่นๆ นอกจากนี้ทุกวันยังมีการจัดกิจกรรมชมสัตว์ในเวลากลางคืน (Night Safari) แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย
และเป็นแหล่งที่น่าเรียนรู้ในการ จัดทัศนศึกษาของกลู่มเยาวชน ในการศึกษาสภาพการเป็นอยู่ของสัตว์
ที่มีอยู่หลากหลาย ชนิด ที่มีอยู่ในสวนสัตว์เปิดเขาเขียวแห่งนี้


ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขาเขียว ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเข้าไป 25 กิโลเมตร
การเดินทาง :
-รถยนต์ส่วนตัว จากถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดบางพระ เดินทางไปตามป้ายบอกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่มีอยู่อย่างชัดเจนเป็นระยะๆ ถนนจะลัดเลาะไปตามขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ ผ่านสนามกอล์ฟบางพระ ขึ้นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา) จากนั้นตรงต่อไปอีก 7 กิโลเมตร จนถึงปากทางเข้าสวนสัตว์ฯ สามารถขับรถวนภายในสวนสัตว์ และจอดแวะชมตามจุดต่างๆได้โดยสะดวก
-รถสองแถว คิวอยู่ในถนนไปอ่างเก็บน้ำบางพระ ตรงข้ามศาลเจ้า จะรอให้คนเต็มหรือจะเหมาไปก็ได้
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น. ส่วนบริการ Night Safari มี 2 รอบ คือเวลา 19.00 น. และ 20.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-8270, 0-3829-8195 โทรสาร. 0-3829-8272

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

เที่ยวริมโขง




เที่ยวริมโขงท่องเที่ยวทั่วไทย
ภาพบริเวณด้านล่างของผาแต้มมีภาพเขียนสี ก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะ มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี ทางอุทยานฯ ได้ทำทางเดินจากหน้าผาด้านบนลงไปชมภาพเขียนสีเหล่านี้ที่หน้าผาด้านล่าง ระยะทางประมาณ 500 เมตร 

ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2534 ครอบคลุมพื้นที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่และอำเภอโพธิ์ไทรมีพื้นที่ติดกับประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นแบ่งพรมแดนมีพื้นที่ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงและเนินเขามีหน้าผาสูงชันซึ่งเกิดจากการแยกตัวของผิวโลก สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรังมีหินทรายลักษณะแปลกตากระจายอยู่ทั่วบริเวณมีพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงามขึ้นอยู่ตามลานหิน การเดินทางจากอำเภอโขงเจียมใช้เส้นทาง2134 ต่อด้วยเส้นทาง 2112 แล้วแยกขวาไปผาแต้มอีกราว 5 กิโลเมตรรวมระยะทางจากโขงเจียมประมาณ 18 กิโลเมตร สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ ได้แก่

เสาเฉลียง อยู่ก่อนถึงผาแต้มประมาณ 3 กิโลเมตรเป็นเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมนับล้านปีมีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ซึ่งหินดังกล่าวจะปรากฏเห็นซากเปลือกหอยกรวด ทราย อยู่ในเนื้อหิน ซึ่งนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่าเมื่อประมาณล้านกว่าปีมาแล้ว บริเวณนี้คงจะเป็นทะเลมาก่อนชาวบ้านบริเวณนี้เรียกเสาหินที่คล้ายดอกเห็ดนี้ว่า “เสาเฉลียง” ซึ่งแผลงมาจากคำว่า“สะเลียง” ที่หมายถึง “เสาหิน”

ผาแต้มและผาขามเป็นหน้าผาสูงที่สวยงามตามธรรมชาติบริเวณด้านล่างของหน้าผามีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะมีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี ทางอุทยานฯได้ทำทางเดินจากหน้าผาด้านบนลงไปชมภาพเขียนสีเหล่านี้ที่หน้าผาด้านล่างระยะทางประมาณ 500 เมตร ภาพเขียนจะอยู่บนผนังหน้าผายาวติดต่อกันประมาณ 170 เมตรซึ่งเป็นมุมต่ำกว่า 90 องศา มีภาพทั้งหมดประมาณ 300 ภาพ แบ่งเป็น 4 ประเภท คือสัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ สัญลักษณ์ และคน ด้านตรงข้ามผาแต้มคือประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวโดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนทำให้ผาแต้มเป็นจุดชมวิวที่สวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนที่แห่งใดในประเทศไทยเช่นเดียวกันกับที่หมู่บ้านเวินบึกที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงไม่ไกลจากบริเวณแม่น้ำสองสีมากนักซึ่งทุกวันนี้จะมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก                                                                                 ....สำหรับการเดินทางโดยรถโดยสาร    หรือรถส่วนตัว                                                                                                      นั่งรถไปลงที่โขงเจียม พอถึงถ้าไม่อยากโบกรถ ให้เหมารถที่ตลาดสด(หรือเช่ามอ\_ไซค์)ไปผาแต้มแต่เพื่อรสชาติของชีวิตควรค้างคืนที่ผาแต้มอย่างน้อย1คืน ที่นั่นมีเต๊นท์(ราคาร้อยกว่าๆ)และบ้านพักให้เช่า(2-3พันกว่าๆ)ปลอดภัยหายห่วง มีจักรยานให้เช่าด้วยอีกต่างหาก ข้างบนมีร้านอาหารด้วย ต้มยำปลาเนื้ออ่อนใส่ใบแขยง(หรือเปล่า) แซ่บมากขอบอบ ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเดือนธันวาปี50นะครับ

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555




มหัศจรรย์เอเชีย   พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า บนยอดเขาพวงลวง เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต

ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อ
นหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ (สุนัข) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต

พุทธตำนานเล่าว่า ฤๅษีติสสะ เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้า ที่ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้งมาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ฤๅษีติสสะกลับซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลย ถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร จึงตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้าย ศีรษะของเขาท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยแสวงหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้มหาสมุทร และนำมาวางไว้บนภูเขาหิน•                                                                                สถานที่ตั้ง                                                                                      :                                                                                        พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า บนยอดเขา Paung Laung เหนือระดับ น้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น 1ใน 5 มหาบูชาสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และตามความเชื่อล้านนาเชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ (ปีหมา) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิตครับ

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

มหัสจรรย์ แดนน้ำแข็ง



มหัสจรรย์ แดนน้ำแข็ง และสิ่งมีชีวิต ที่ปรับสภาพในการอยู่บนความเย็นอันสูงสุด และยาวนานที่คนรู้จักเรียกว่า หมีขาว ถือได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อบนพื้นดินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากหมีกริซลีย์ (U. arctos horribilis) (บางข้อมูลจัดให้เป็นที่ 1) ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ ตัวผู้เต็มวัยอาจสูงได้ถึง 3 เมตร น้ำหนักตัวอาจมากได้ถึง 350–680 กิโลกรัม (770–1,500 ปอนด์) หมีขาวมีรูปร่างที่แตกต่างจากหมีชนิดอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ มีส่วนคอที่ยาวกว่า ขณะที่ใบหูก็มีขนาดเล็ก อุ้งเท้ามีขนาดใหญ่ และที่เป็นจุดเด่นเห็นได้ชัด คือ สีขนที่เป็นสีขาวครีมอมเหลืองอ่อน ๆ อันเป็นที่มาของชื่อเรียก เนื่องจากถูกความเค็มของเกลือในทะเล ซึ่งขนสีครีมนี้ทำให้พรางตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี
หมีขาวกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะซีกโลกทางเหนือ บริเวณขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติกเท่านั้น จัดได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกนี้ อุ้งเท้าของหมีขาวมีขนรองช่วยให้ไม่ลื่นไถลไปกับความลื่นของพื้นน้ำแข็ง หมีขาวถือเป็นสัตว์ที่เดินทางไกลมาก โดยบางครั้งอาจจะใช้วิธีการนั่งบนแผ่นหรือก้อนน้ำแข็งลอยตามน้ำไป หรือไม่ก็ว่ายน้ำหรือดำน้ำไป ซึ่งหมีขาวจัดเป็นหมีที่ว่ายน้ำและดำน้ำเก่งมาก โดยใช้ขาหน้าพุ้ย หรือบางครั้งก็ใช้ทั้ง 4 ขา เคยมีผู้พบหมีขาวว่ายอยู่ในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งไกลถึง 200 

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

น้ำตกเขาใหญ่


น้ำตกเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าชมในช่วง ฤดูหนาวในเชิงระบบนิเวศ แบบศึกษาทัศนียภาพ ของ ความมหัศจรรย์ที่มีอยู่ ใน ประเทศไทย ในอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก สถานที่อันน่าศึกษาแห่งนี้"น้ำตกเหวสุวัต" ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมาก และเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วๆ ไป (ใช่ๆ) น้ำตกเหวสุวัตนี้อยู่สุดถนนธนะรัชต์ หรือจะเดินเท้าต่อจากน้ำตกผากล้วยไม้ไปก็ได้ ประมาณ 3 กิโลเมตร น้ำตกนี้มีลักษณะเป็นสายน้ำ ตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตรเศษ บริเวณด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำและลำธาร เหมาะที่จะลงเล่นน้ำ แต่ในช่วงฤดูฝนนั้นจะมีน้ำมากและไหลแรง การลงเล่นน้ำจึงควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัย
ทิวทัศที่มีความ โดดเด่นในสถานที่ของเมืองไทยเป้นเอกลักษ์ เฉพาะที่เป้นจุดสนใจ  ของคนต่างชาติที่อยากเข้ามาศึกษาในด้านต่างๆ ที่เหล่านักสำรวจอยากสัมผัส ของทรัพยากรณ์ที่เรามี
ในแหล่งน้ำที่เป็นอีกสถานที่ในการร่องแก่ง สำรวจ ในบรรยากาศแบบ กลมกลืนในธรรมชาติ

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

ปราสาทหิน นครวัต

ปราสาทนครวัดเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ฝรั่งต่างชาติต่างยอมรับในความสวยงาม เราจะเห็นได้ว่า 5 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกล้วนแต่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา จะมีก็แต่เพียงปราสาทนครวัดและทัชมาฮาลเท่านั้นที่อยู่นอกประเทศทั้งสอง
ปราสาทนครวัด เป็นประสาทศิลาแลงขนาดใหญ่โตมโหฬาร ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา จัดเป็นปราสาทศิลาขนาดใหญ่ที่ยังคงอยู่ ตระหง่านท้ากาลเวลานานหลายร้อยปี ผู้ที่สร้างนครวัดขึ้นมาเป็นพระองค์แรกคือพระเจ้าสุริยะวรมัน ที่ 2 โดยพระองค์มีพระประสงค์ที่จะยกพระฐานของกษัตริย์กัมพูชาให้เทียบเท่ากับเทพเจ้า ปราสาทนครวัดแห่งนี้จึงเป็นที่สถิตของพระวิษณุ เทพเจ้าสำคัญพระองค์หนึ่งตามความเชื่อของชาวกัมพูชา และพระองค์ทรงใช้สถานที่แห่งนี้ในการเผาพระบรมศพของพระองค์

ปราสาทหิน นครวัด สร้างโดยพระราชาธิราชพ.ศ.1690 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นครวัดเป็นสถาปัตยกรรมสร้างด้วยหินศิลาแลงและมีช่างแกะหินเป็นภาพพุทธประวัติบ้าง ภาพสงครามบ้างนครวัด (เขมร: អង្គរវត្ត) เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติ และเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร   เเละเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในเเนวทางประวัติศาสตร์นอกจากความสามารถในการออกแบบตัวอาคารและการเชื่อมโยงคูคลองต่างๆเข้าหากันแล้วนั้น ตัวปราสาทนครวัดก็เป็นโบราณสถานที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะการแกะสลักอันปราณีตของชาวกัมพูชาในอดีต บนศิลาจะเต็มไปด้วยภาพแกะสลักตามความเชื่อในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตของเทวดาและอสูรหรือการประกอบพิธีกรรมต่างๆในอดีต
เมื่อลองย้อนกลับไปดูในอดีต จะพบว่าในยุคหลังต่อมา พระเจ้าชัยวรมันที่ 1 ได้สถาปนาเมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวง มีชื่อว่า ยโสธรปุระ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นยังไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรมากมายนัก แต่ต่อมาภายหลังพระองค์ทรงวางแผนที่จะขุดคูน้ำล้อมรอบพื้นที่ มีการขุดสระเพื่อทำเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตร และกษัตริย์ในรุ่นหลังๆก็ได้ปฏิบัติตามแนวพระราชดำริ ทำให้ตัวเมืองขยายใหญ่มากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสังเกตุและเป็นที่ที่ทุกคนเข้าเยี่ยมชมจะต้องไปดูกันให้ได้ก็คือ ภาพใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ปรากฎอยู่บนอาคาร ทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "รอยยิ้มแห่งพระนคร"ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าปราสาทวัดจะเหลือไว้แค่ซากปรักหักพัง แต่ก็ยังไว้ซึ่งมนคลัง และมนเสน่ห์ที่ชวนให้คิดถึงความเจริญรุ่งเรืองในครั้งอดีตของสถานที่แห่งนี้อยู่มิรู้ลืม

น้ำตกทีรอซู



น้ำตกทีรอซู เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของไทย ที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างเพื่อศึกษา ในระบบนิเวศ
 ที่ติดอันดับโลก   ในจังหวัดเชียงรายบ้านเฮา สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย,เชียงราย สังคมออนไลน์ของคนเจียงฮาย,สังคมออนไลน์ของคนเเชียงราย,,เที่ยวเชียงราย,ข่าวสารเชียงราย หางานเชียงราย อู้จ๋าประสาคนเมือง,อนุรักษ์คำเมือง เว็บบอร์ดของคนเชียงราย ข่าวสารท้องถิ่นเชียงราย ที่พักเชียงราย ประวัติเชียงราย Homestay ห้องพัก โรงแรม เชียงราย จังหวัดเชียงราย คนเชียงราย เที่ยวเชียงราย ประวัติเชียงราย,งานเชียงราย

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

มังกรน้ำเงิน

มังกรน้ำเงิน
มังกรน้ำเงินเป็นสัตว์ จำพวกคล้ายหอย แต่ไม่มีเปลือกห่อหุ้มตัว  และมีขนาดตัว ยาว3-4ซม.
สัตว์ที่แปลกและมีความน่ารัก  โดดเด่นในเชิงระบบนิเวศวิทยากิน สิ่งมีชีวิตที่มีพิษเป็นอาหาร เช่น Portuguese Man o' War บางทีพวกมันก็กินกันเอง พวกมันภูมิคุ้มกันพิษ และพิษที่พวกมันกินเข้าไปมันยังสามารถนำไปสะสมที่ถุงบริเวณ Cerata และที่สำคัญพิษที่มันสะสมไว้นั้นรุนแรงกว่า พิษที่ได้จากเหยื่อของพวกมันมีเสียอีก
 พวกมันจะใช้การกลืนแก๊สเข้าไปในกระเพราะ เพื่อใช้ในการลอยตัว เนื่องจากตำแหน่งของกระเพาะทำให้พวกมันลอยกับหลัง ทำให้ช่วงท้องที่มีสีฟ้าเข้มลอยอยู่ด้านบน เพื่อลวงตานกจากด้านบนให้คิดว่าเป็นท้องน้ำ และหลังที่มีสีเทาเงินอยู่ด้านล่างเพื่อลวงตาพวกปลานักล่าจากเบื้องล่างว่าเป็นท้องฟ้า

มหัศจรรย์ ล้านปีของไทย





ในเขต อุทยานแห่งชาติของประเทศไทย ที่  ภูเเลนคา เป้นกมุ่มหินขาดใหญ่สามกลุ่ม  ในจังหวัด ชัยภูมิ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ หรือสถานที่คนรู้จักที่เรียกขานกันชื่อว่า มอหินขาว ครับมอหินขาว มีกลุ่มหินอยู่หลายแห่งด้วยกัน เมื่อเรามาถึงมอหินขาว ก็จะถึง กลุ่มหินชุดแรก คือ “เสาหิน 5 ต้น” เป็นหินที่มีความสูง ประมาณ 12 เมตร จำนวนหนึ่งใน 5 มีต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ขนาด 22 คนโอบ เสาหิน 5 ต้นนี้นับเป็น เสาหินที่เด่นที่สุด และเป็น ไฮไลต์ของการมาเที่ยวมอหินขาวมอหินขาว” ชื่อนี้แปลว่าอะไรกันนะ คำว่า “มอ” เป็นภาษาพื้นบ้านหรือภาษาอีสานที่แปลว่า “เนินเขาที่ไม่สูงมากนัก” ส่วน “หินขาว” ก็มีที่มาโดยชาวบ้านเล่าว่าทุกคืนวันพระ มองขึ้นมาบนเนินเขานี้ จะเห็นแสงสีขาวจ้าส่องขึ้นจากกลุ่มเสาหินสูงใหญ่เหล่านี้ชาวบ้านก็เล่าต่อกันไปปากต่อปาก ก็เริ่มมีผู้สนใจมากขึ้น ด้วยคิดว่าเป็นสิ่งแปลกที่จะมีแท่งหินอยู่บนเนินเขาที่เป็นดินทราย มีลักษณะเหมือนสโตนเฮนจ์ที่ประเทศอังกฤษ ก็พากันขึ้นมาดูจนมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้วมอหินขาวก็ได้รับเลือกเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen in Thailand โดยเมื่อปีที่พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย เป็นพีเซนเตอร์ของ ททท. ก็ได้มาถ่ายทำเพื่อโปรโมทมอหินขาวให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายได้รู้จักด้วย โฆษณาทางทีวีคงเคยได้เห็นกันบ่อยๆ. ...////
ในการเดินทางไปเยี่ยมชม   โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากตัวจังหวัดชัยภูมิ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2051 ถนนสายชัยภูมิ – ตาดโตน เป็นทางลาดยางระยะทาง ประมาณ18 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายก่อนถึงด่านของอุทยานแห่งชาติตาดโตน ตามถนนตาดโตน – ท่าหินโงม เป็นทาง ลาดยางประมาณ 12 กิโลเมตร แยกซ้ายตามถนนแจ้งเจริญ-โสกเชือก เป็นทางลูกรัง ระยะทาง 6.5 กิโลเมตรถึง บ้านวังคำแคนจากนั้นเลี้ยวขวาช่วงบ้านวังคำแคน ่ ไปต่ออีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร เส้นทางเป็นถนนราดยาง
2. โดยรถโดยสารประจำทาง
ที่มอหินขาวไม่มีรถสาธารณะผ่าน นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาที่นี่ต้องเหมารถจากตัวเมืองชัยภูมิหรือหากไปเที่ยวสามารถเหมารถจากตัว จังหวัดชัยภูมิ หรือใช้บริการรถนำเที่ยว คุณดาว โทร 080 198 5248 , 087 958 5395

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

เส้นทางที่แปลกตา

อุโมงถนนตามหน้าผา
ตระการตาตื่นใจ!!! อุโมงค์ Gouliang ในจีน       ตัดเลาะผ่านภูผา สูงตระหง่าน ....ทิวทัศน์ที่น่าสนใจ จึงรู้ว่า เป็นอุโมงค์ในประเทศจีน                                        ความมหัศจรรย์ของภาพ อยู่ที่ถนนซึ่งเจาะเลาะภูผาสูงทะมึน ในเขตชนบทของจีน                                              ยิ่งกว่านั้น ถนนเส้นดังกล่าว สร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของคนสิบกว่าคน ที่ใช้เครื่องมือโบร่ำโบราณ โดยไม่ได้พึ่งเครื่องจักร เครื่องผ่อนแรง                                               อุตสาหะ มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อเป็นเวลาถึงห้าปี จึงได้ถนน ที่สามารถเชื่อมโยงหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา ออกไปสู่โลกภายนอกได้อุโมงที่สร้างผ่านหน้าผาสูงชัน ในประเทศจีน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใน ภูเขาไท่ฮั่ง ด้วยการสร้างของมนุษย์ ภายในเวลา 5 ปี



อุโมงค์โกว้เหลียง (Guoliang Tunnel) เป็นเส้นทางที่เลาะผ่านไปตามภูเขาสูงชันในประเทศจีน 
อุโมงค์ดังกล่าวอยู่ในภูเขาไท้ฮาง (Taihang Mountains) ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเฮอหนาน (Henan)ของจีน
ก่อนที่จะมีอุโมงค์แห่งนี้ การติดต่อกับโลกภายนอก ต้องอาศัยผ่านทางเดินเท้าที่เลาะไปตามภูเขาอันยากลำบาก
ในปี 1972 ชาวบ้านภายใต้การนำของ เฉินหมิงซิน(Shen Mingxin) ตัดสินใจที่จะสร้างถนนเลาะไปตามแนวภูเขา พวกเขารวบรวมเงิน เพื่อซื้อหาฆ้อน และอุปกรณ์พื้นฐานอื่นๆ โดยมีชาวบ้านสิบสามคนเป็นกำลังหลัก ในการดำเนินโครงการท้าทายนี้
ภายหลังงานหนัก ตลอดเวลาห้าปี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตระหว่างการดำเนินการหลายคน
อุโมงค์ดังกล่าวก็เสร็จสำเร็จ โดยมีความยาว 1.2 กิโลเมตร สูงประมาณ 5 เมตร และกว้าง 4 เมตร
มีการเปิดใช้อุโมงค์นี้ ให้รถยนต์วิ่งได้ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1977


วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

มรดกธรรมชาติอันบริสุทธิ์มรดกไทยแลนด์



 มรดกธรรมชาติอันบริสุทธิ์มรดกไทยแลนด์
มรดกธรรมชาติอันบริสุทธิ์มรดกไทยแลนด์  และเป้นความวิเศษ อีกอย่างที่คนไทยได้รับจากการรักษา เเละอนุรักษ์ธรรมชาติ  เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมชาวต่างชาติจากทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา จึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตะลุยท่องเที่ยวฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงในบ้านเรา จริงอยู่ที่หลายคนย่อมคิดว่าพวกเขามาท่องเที่ยวบ้านเรา เพราะค่าครองชีพถูก ชายหาดและทะเลสวย สภาพป่าบ้านเราดูลี้ลับน่าสนใจ สัตว์ป่าโดยเฉพาะนกนั้นบ้านเรามีรายงานการพบนกกว่า 920 ชนิด หรือมีมากกว่า1ใน10ของนกที่มีอยู่ทั้งหมดในโลกใบนี้ วิถีชีวิตของคนไทยโดยเฉพาะความเป็นกันเอง ด้วยการยิ้มให้กับคนแปลกหน้าจนได้รับสมญานามว่า "สยามเมืองยิ้ม" รวมทั้งการบริการที่เป็นเลิศ ไม่น้อยหน้าชาติใด
แต่อาจจะไม่รู้ว่าราว90% พวกเขาต้องมีโปรแกรมท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ แม้ว่าคนไทยบางคนอาจคิดว่ามีแต่ซากก้อนอิฐก้อนหินพังๆ หรือโบราณสถานเก่าๆ ไม่สวยงามหรือน่าดูเลย แต่พวกเขากลับชื่นชอบที่จะเรียนรู้ในความเป็นมาของคนไทยในอดีต
  เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่แต่เดิมก็ไม่เคยชื่นชอบเลยกับการท่องเที่ยวตามโบราณสถาน รู้สึกว่ามันไม่มีชีวิตชีวา ดูช่างเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว จวบจนได้มาทำงานด้านท่องเที่ยว ได้ค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อบรรยายให้แก่ลูกทัวร์ได้รับฟัง ก็เริ่มสนใจมากขึ้น และที่ทำให้รู้ซึ้งถึงการท่องเที่ยวในสถานที่แห่งนี้ยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก็ครั้งที่ได้รับฟังการบรรยายอย่างมีอรรถรสจากเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าการท่องเที่ยวโบราณสถาน นอกจากเป็นการเรียนรู้ศึกษาประวัติศาสตร์ไปในตัวแล้ว ยังมีเสน่ห์และมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการได้สัมผัสกับวิถีชีวิตผู้คนชาวบ้านที่ยังดำเนินชีวิตในแบบดั้งเดิม ซึ่งแม้วันนี้วันเวลาจะได้ทำให้วิถีเก่าแก่เหล่านั้นลดน้อยถอยลงจนแทบจะไม่มีให้เห็น ทว่ากับสิ่งที่พอจะยังมีหลงเหลืออยู่นี้ ก็สามารถทำให้การท่องเที่ยวเดินทางมีสีสัน เกิดความรู้สึกรักและภาคภูมิใจรากเหง้าของเราคนไทยขึ้นมาในทันที
น้ำขึ้น น้ำลง ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ น้ำขึ้น น้ำลง ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่น้ำทะเลจะมีขึ้นมีลง จนบางสถาที่ ปรากฏการณ์ น้ำขึ้น น้ำลง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ของประเทศนั้นๆไปเลยทีเดียว และบ้านเราก็มี ปรากฏการณ์น้ำขึ้น น้ำลง จนกลายเป็นที่เที่ยวชื่อดังเหมือนกัน นั่นก็คือ ทะเลแหวก กระบี่ นั่นเอง





การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (Conservation) หมายถึง การรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ต่อมหาชนมากที่สุด และใช้ได้เป็นระยะเวลานานมากที่สุด ทั้งนี้จะต้องให้มีความสูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์น้อยที่สุด แต่ในขณะเดียวกันสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรนั้นให้คุ้มค่ามากที่สุด หรือเรียกว่าการใช้อย่างยั่งยืน สาเหตุที่ต้องมีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพราะผลสืบเนื่องจากการเพิ่มประชากรและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีเป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดการร่อยหรอของทรัพยากรธรรมชาติ อันนำมาซึ่งปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากร ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของประชาชนทั้งในเขตเมืองบและชนบท นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคง และมั่งคั่งของประชาชน ในชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตินั้น จะต้องมีนโยบายในการควบคุมการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด คำนึงถึงผลได้ผลเสียอย่างถี่ถ้วน โดยการพิจารณาตามหลักวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกจังหวะและความต้องการของสังคม ทั้งนี้เพราะทรัพยากรธรรมชาติเป็นมรดกอันมหาศาล ที่ธรรมชาติให้ไว้ เพื่อมนุษย์ได้ใช้ในการดำรงชีวิต จึงจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อมิให้ทรัพยากรธรรมชาตินั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว เพราะในการอนุรักษ์เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ทั้งในเมืองและชนบท ดังนั้น ในการวางแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาด จะต้องไม่แยกมนุษย์ออก จากสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม หรือสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ